สาระน่ารู้ เรียนรู้เรื่องญี่ปุ่นกับ J-Campus

เด็กหญิงซาดาโกะ กับนกกระเรียนพันตัว

โดย Webmaster : อ่าน 44,621 ครั้ง

การพับกระดาษเป็นนกกระเรียน (ori tzuru) เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นเมื่อใด ไม่สามารถยืนยันได้ เอกสารชิ้นแรกที่มีการกล่าวถึงนกกระเรียนพับกระดาษ ปรากฎในหนังสือ Koushoku ichidai otoko เมื่อปี คศ.1682 คือในช่วงต้นของสมัยเอโดะ แต่เป็นเพียงการกล่าวถึงด้วยตัวอักษรเท่านั้น

ภาพนกระเรียนพับกระดาษ ปรากฏในเอกสารเป็นครั้งแรก ในปี คศ. 1700 โดยเป็นภาพที่เป็นลวดลายในชุดกิโมโน

การพับนกกระเรียนจำนวนมากๆ และร้อยติดกันเป็นพวง เรียกว่า นกกระเรียนพันตัว (千羽鶴 : senba tzuru) ซึ่งจะมีจำนวนน้อยหรือมากกว่า 1,000 ตัวก็ได้

ในอดีต เคยมีประเพณีในการถวายนกกระเรียนพันตัว แก่วัดหรือศาลเจ้า เพื่อเป็นสิ่งสักการะในการขอให้มีชีวิตยืนยาว

ปัจจุบัน นกกระเรียนพันตัว มักใช้เป็นสิ่งที่มอบให้ในตอนที่ไปเยี่ยมผู้ป่วย เพื่อเป็นการปลอบประโลมและให้กำลังใจ

นอกจากนี้ นกกระเรียนพันตัว ยังใช้เป็นสัญญลักษณ์แสดงมุ่งหวังสันติภาพ และคัดค้านต่อต้านระเบิดปรมาณูอีกด้วย

ในวันรำลึกเหตุการณ์ปรมาณู หรือวันที่ 6 สิงหาคม ของทุกปี จะมีนกกระเรียนพันตัวจำนวนมาก ถูกส่งจากที่ต่างๆ ทั่วโลก ไปยังสวนสันติภาพฮิโรชิมา อันเป็นสถานที่จัดงานรำลึกนี้

การพับเป็นนกกระเรียนพันตัว สันนิษฐานว่าเกิดขึ้นจากความเชื่อว่า นกกระเรียนเป็นสัตว์มงคล อันหมายถึงการมีชีวิตที่ยืนยาว ดังเช่นสุภาษิต "นกกระเรียนพันปี เต่าหมื่นปี" (鶴は千年、亀は万年 : tsuru wa sennen, kame wa mannen)

การพับนกกระเรียนจึงหมายถึงการต่ออายุให้ยืนยาว เช่นเดียวกับคำในสุภาษิต

แต่คำว่า นกกระเรียนพันตัว (senba tzuru) นี้ ไม่ได้จำเพาะเจาะจงว่าจะต้องมีจำนวนครบ 1,000 ตัว แต่หมายถึงการพับในปริมาณมากๆ

เด็กหญิงซาดาโกะ กับนกกระเรียนพันตัว

ซาซากิ ซาดาโกะ เกิดเมื่อวันที่ 7 มกราคม คศ. 1943 เป็นลูกคนที่สอง และเป็นลูกสาวคนโตของครอบครัวช่างตัดผม

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง พ่อของเธอถูกเกณฑ์ไปทำงานที่โรงพยาบาลทหาร ที่บ้านจึงเหลือเพียงยาย แม่ พี่ชาย และซาดาโกะเพียง 4 คน

วันที่ 6 สิงหาคม คศ.1945 เมืองฮิโรชิมาถูกทิ้งระเบิดปรมาณู ในขณะที่ซาดาโกะมีอายุ 2 ปี 7 เดือน

บ้านของเธอซึ่งอยู่ห่างจากจุดระเบิดเป็นระยะทาง 1.7 กิโลเมตร พังพินาศ ทุกคนในบ้านถูกลมจากแรงระเบิดพัดกระเด็นไปไกล แต่โชคดีที่เธอไม่ได้รับบาดเจ็บหรือบาดแผลไฟลวก

แต่ระหว่างที่เธออพยพหนีออกนอกเมือง เธอถูกฝนกัมมันตรังสีตกใส่

เธอเติบโตเป็นเด็กแข็งแรง มีทักษะด้านกีฬาและร้องเพลง

ในเดือนสิงหาคม คศ.1954 ขณะที่อยู่ชั้นประถมปีที่ 6 เธอเข้ารับการตรวจสุขภาพ แต่ไม่พบความผิดปกติใดๆ

แต่หลังจากนั้นอีก 3 เดือน เธอป่วยเป็นหวัด เกิดก้อนเนื้อบวมที่ด้านหลังลำคอและกกหู

ในเดือนมกราคม คศ.1955 อาการบวมมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าก็บวมคล้ายกับโรคคางทูม

ในเดือนกุมภาพันธ์ เธอเข้ารับการตรวจจากศูนย์วิจัยขององค์กรคณะกรรมาธิการผู้ประสบภัยจากระเบิดปรมาณู (Atomic Bomb Casualty Commission : ABCC) ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยอเมริกา ที่เมืองฮิโรชิมา หลังจากการทิ้งระเบิดปรมาณูไปได้ประมาณ 1 ปีเศษ

ผลการวิจัย พบว่าเธอป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (lymphocytic leukemia) จะมีอายุอีกได้ไม่เกิน 1 ปี

เธอจึงเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลกาชาด ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ คศ.1955

ผู้ป่วยที่อยู่ร่วมห้องเดียวกับเธอชื่อ โอคุระ คิโยะ ซึ่งขณะนั้นมีอายุ 14 ปี

ในเดือนพฤษภาคม อาการของซาดาโกะเริ่มเข้าสู่ขั้นทรงตัว เธอจึงได้รับอนุญาตให้กลับไปเยี่ยมบ้านทุกวันสุดสัปดาห์ เพื่อให้เธอใช้เวลาช่วงสุดท้ายของชีวิตกับครอบครัวอย่างมีความสุข ซึ่งเธอไม่ได้รับแจ้งเกี่ยวกับอาการป่วยของตนเอง

ในวันที่ 6 สิงหาคม มีการจัดงาน World Conference Against Atomic & Hydrogen Bombs ครั้งที่ 1 ขึ้นที่สวนสันติภาพ ณ เมืองฮิโรชิมา

ซาดาโกะได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอกโรงพยาบาลได้ เธอและครอบครัวจึงได้เดินทางไปร่วมพิธีนั้น และเธอได้จำเพลงชื่อ "จะต้องไม่ยอมให้เกิดระเบิดปรมาณูอีก" (原爆を許すまじ : genbaku o yurusumaji) มาจากงานนี้

ในเดือนสิงหาคมนี้ นักเรียนมัธยมปลายในเมืองนาโงยา ได้พับนกกระเรียน และส่งมาให้กำลังใจแก่ผู้ป่วย ที่นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลกาชาด ในเมืองฮิโรชิมา

นกกระเรียนเหล่านี้มีสีสรรสวยสดงดงาม ทำให้บรรยากาศในห้องผู้ป่วยแจ่มใสขึ้น และช่วยทำให้ผู้ป่วยที่ลุกขึ้นจากเตียงไม่ได้ มีอารมณ์แช่มชื่นขึ้น

การพับนกกระเรียน จึงกลายมาเป็นที่นิยมของคนไข้ในโรงพยาบาลนี้

ซาดาโกะเอง ก็เกิดความเชื่อมั่นว่า หากเธอพับนกกระเรียนได้พันตัว ก็จะหายป่วยจากโรคร้าย เธอจึงเริ่มพับนกกระเรียนขึ้น พร้อมๆกับคิโยะ ที่อยู่ในห้องเดียวกัน

ซาดาโกะและคิโยะ ต่างก็พับนกกระเรียนครบ 1,000 ตัว ภายในเดือนสิงหาคมนั้น

และคิโยะก็ได้ออกจากโรงพยาบาลในปลายเดือนสิงหาคม

คิโยะถึงแก่กรรมลงด้วยโรคมะเร็ง เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน คศ. 2008 ด้วยวัย 67 ปี

หลังจากที่คิโยะออกจากโรงพยาบาล ซาดาโกะยังคงพับนกระเรียนต่อไป

กระดาษสำหรับใช้พับกระดาษ (折り紙 : origami) เป็นของที่มีราคาแพง ดังนั้น นอกจากกระดาษห่อยาของตนเองแล้ว ซาดาโกะจึงไปขอกระดาษห่อยา และกระดาษห่อของในห้องผู้ป่วยคนอื่นๆ มาตัดเป็นแผ่นเล็กๆ เพื่อใช้พับนกกระเรียนอีกด้วย

นกกระเรียนของซาดาโกะ มีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ จนถึงขนาดเมล็ดข้าว คือเพียงไม่กี่มิลลิเมตร ต้องใช้เข็มเพื่อช่วยสร้างรอยพับบนกระดาษเท่านั้น

ซาดาโกะพับนกกระเรียนมากกว่า 1,300 ตัว (ข้อมูลจากพิพิธภัณฑ์สันติภาพฮิโรชิมา) หรือมากกว่า 1,500 ตัว (ข้อมูลจาก Hiroshima Starship, Hiroshima International Youth House) หรือมากกว่า 2,000 ตัว (ข้อมูลจาก ซาซากิ ยูจิ นักร้องและนักแต่งเพลง ผู้เป็นหลานของซาดาโกะ)

แต่จำนวนที่แท้จริงจะมีทั้งสิ้นเท่าใด ครอบครัวของเธอไม่ได้นับไว้โดยละเอียด

ในภายหลัง มีการแต่งเรื่องเพิ่มเติมว่า ซาดาโกะเสียชีวิตลง ก่อนที่เธอพับนกกระเรียนได้ครบ 1,000 ตัว เพื่อนในชั้นเรียนของเธอจึงได้ช่วยกันพับต่อจนครบ จึงทำให้มีความเข้าใจสับสนเกี่ยวกับจำนวนตัวเลขเป็นอย่างมาก

ปลายเดือนตุลาคม เท้าข้างซ้ายของซาดาโกะบวมเป่งขนาด 1.5 เท่าของขนาดปกติ และกลายเป็นสีม่วงอมแดง ทำให้เธอเจ็บปวดจนนอนไม่หลับ

เช้าวันที่ 25 ตุลาคม ครอบครัวของซาดาโกะสังเกตุเห็นว่าอาการของเธอทรุดหนักมาก ทุกคนจึงพากันไปที่โรงพยาบาล

พ่อของซาดาโกะพยายามกระตุ้นให้เธอทานอาหาร ซึ่งเธอก็ตอบว่าอยากทานข้าวราดน้ำชา พ่อของเธอจึงรีบไปซื้อข้าวสวยจากโรงอาหารมาทำข้าวราดน้ำชา และป้อนให้เธอทาน 1 คำ

เธอกล่าวว่า "อร่อย" และทานคำที่สอง พร้อมกับหลับตาลง และจบชีวิตลงท่ามกลางการเฝ้าดูแลของครอบครัว

ซาดาโกะจบชีวิตลงในวันที่ 25 ตุลาคม คศ.1955 ด้วยวัย 12 ปี 9 เดือน ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ห้องต้นไผ่ของเธอ วิ่งชนะเลิศในงานกีฬาสีเมื่อปีที่แล้ว

ในงานศพของซาดาโกะ ครอบครัวของเธอได้มอบนกกระเรียนที่ซาดาโกะพับขึ้น ให้กับแขกที่มาร่วมงาน คนละ 2-3 ตัว เพื่อขอให้ใส่นกกระเรียนเหล่านั้น ลงในโลงศพของซาดาโกะ

ส่วนนกกระเรียนที่เหลือ ก็มอบให้กับแขก เป็นของที่ระลึกในงานศพของซาดาโกะ

หลังจากที่ซาดาโกะเสียชีวิตลง เพื่อนๆของเธอ ภายใต้คำแนะนำจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้ตัดสินใจที่จะร่วมกันสร้างรูปปั้นที่ระลึกให้กับซาดาโกะ และเด็กๆที่ต้องเสียชีวิตจากระเบิดปรมาณู เพื่อเป็นการปลอบประโลมดวงวิญญาณให้กับเด็กๆเหล่านั้น

การรณรงค์ขอรับเงินบริจาคแพร่สะพัดไปทั่วทุกโรงเรียนในเมืองฮิโรชิมา และขยายสู่เมืองต่างๆทั่วประเทศ มีโรงเรียนที่ส่งจดหมายและเงินบริจาค เพื่อร่วมสร้างรูปปั้นอนุสรณ์นี้ มากกว่า 3,000 โรงเรียน

"รูปปั้นเด็กที่ถูกระเบิดปรมาณู" สร้างเสร็จในวันที่ 5 พฤษภาคม คศ.1958 ซึ่งตรงกับวันเด็กของประเทศญี่ปุ่น เป็นรูปซาดาโกะชูมือทั้ง 2 ข้างขึ้นเหนือศีรษะ โดยมีนกกระเรียนกางปีกบินอยู่บนนั้น

รูปปั้นนี้ ตั้งอยู่ที่สวนสันติภาพฮิโรชิมา และทุกๆปี จะมีนกกระเรียนกระดาษจำนวนมาก ถูกส่งมายังรูปปั้นเด็กที่ถูกระเบิดปรมาณูนี้ จากทั้งในและนอกประเทศญี่ปุ่น

ที่แท่นหินหน้ารูปปั้น มีคำแกะสลักไว้ว่า "จะต้องไม่ทำให้เด็กๆ กลายเป็นเหยื่อของระเบิดปรมาณูอีก"

ข้อความนี้ เปรียบเสมือนคำพูดของเด็กๆที่เสียชีวิตว่า นี่คือเสียงร้องของพวกผม นี่คือคำขอร้องของพวกหนู ที่ต้องการเห็นสันติสุขบนโลกใบนี้ และไม่ต้องการให้มีเด็กๆคนไหน ต้องเสียชีวิตเช่นพวกเธออีก

เรื่องของซาดาโกะกับการพับนกกระเรียน ถูกเผยแพร่ในสื่อต่างๆทั่วโลก ในหลายรูปแบบ และหลายภาษา

ซาดาโกะกับนกกระเรียนพันตัว ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงสันติภาพ และความหวังมาจนถึงทุกวันนี้

Webmaster
6 สิงหาคม 2555

pageviews 1,970,392