ห้องเรียนภาษาญี่ปุ่น ภาษาญี่ปุ่นไม่ยากอย่างที่คิด

อ่าน 177,890 ครั้ง

การออกเสียงภาษาญี่ปุ่น

ในเว็บไซต์นี้ จะเป็นการสอนโดยใช้อักษรฮิรางานะและโรมาจิเท่านั้น แต่เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่เริ่มศึกษาภาษาญี่ปุ่น ซึ่งยังไม่คุ้นเคยกับวิธีการออกเสียงในภาษาญี่ปุ่น จึงจะอธิบายวิธีการออกเสียงอักษรต่างๆ รวมถึงหลักเกณฑ์ในการออกเสียงไว้ในบทนี้

และเนื่องจากภาษาญี่ปุ่นบางคำ ไม่สามารถอ่านออกเสียงในภาษาไทยได้ชัดเจน ดังนั้น ผู้ที่จะศึกษาจึงไม่ควรยึดติดกับตัวสะกดภาษาไทย แต่ควรหาโอกาสฟังภาษาญี่ปุ่นที่ถูกต้อง และฝึกฝนให้มีความคุ้นเคยต่อไป

วิธีการอ่านฮิรางานะ/โรมาจิ

เป็นการนำเสียงตามแถว (แนวนอน) มารวมกับเสียงสระ (แนวตั้ง)

 เสียง
อะ
เสียง
อิ
เสียง
อุ
เสียง
เอะ
เสียง
โอะ
แถว
a
a
อะ
i
อิ
u
อุ
e
เอะ
o
โอะ
แถว
ka
ka
คะ
ki
คิ
ku
คุ
ke
เคะ
ko
โคะ
แถว
sa
sa
สะ
shi
ชิ
su
สุ
se
เสะ
so
โสะ
แถว
ta
ta
ทะ
chi
จิ
tsu
ซึ
te
เทะ
to
โทะ
แถว
na
na
นะ
ni
นิ
nu
นุ
ne
เนะ
no
โนะ
แถว
ha
ha
ฮะ
hi
ฮิ
fu
ฟุ
he
เฮะ
ho
โฮะ
แถว
ma
ma
มะ
mi
มิ
mu
มุ
me
เมะ
mo
โมะ
แถว
ya
ya
ยะ
yu
ยุ
yo
โยะ
แถว
ra
ra
ละ
ri
ลิ
ru
ลุ
re
เละ
ro
โละ
แถว
wa
wa
วะ
o
โอะ
n : ตัวสะกด (ง, น, และ ม)

คำพิเศษที่ต้องระวังในการออกเสียง คือ

  1. し (shi) ออกเสียงคล้าย 'ชิ'
  2. ち (chi) ออกเสียงคล้าย 'จิ'
  3. つ (tsu) ออกเสียงคล้าย 'ซึ'
  4. ふ (fu) ออกเสียงคล้าย 'ฟุ'
  5. を (o) อยู่ในแถว wa แต่ออกเสียงเป็น 'โอะ'

นอกจากนี้ แถว ら (ra) ทั้งแถว แม้จะใช้โรมาจิเป็นตัว R แต่จะออกเสียงเป็นตัว L (ล.ลิง)

การออกเสียงสั้นและเสียงยาว

ฮิรางานะและโรมาจิ จะออกเสียงเป็นสระเสียงสั้นทั้งหมด โดยมีเสียงสระ 5 เสียง คือ a (อะ) i (อิ) u (อุ) e (เอะ) และ o (โอะ) แต่มีคำยกเว้นที่ออกเสียงสระอึ คือ tsu (ซึ)

การนำฮิรางานะที่เป็นสระเสียงเดียวกันมาเรียงต่อกัน จะเกิดเป็นสระเสียงยาว เช่น

แต่หากนำสระคนละเสียงมาเรียงต่อกัน จะไม่อ่านให้ควบกัน แต่จะอ่านทีละตัว ดังนี้

 aiueo
aaa
อา
ai
อะอิ
au
อะอุ
ae
อะเอะ
ao
อะโอะ
iia
อิอะ
ii
อี
iu
อิอุ
ie
อิเอะ
io
อิโอะ
uua
อุอะ
ui
อุอิ
uu
อู
ue
อุเอะ
uo
อุโอะ
eea
เอะอะ
ei*
เอ
เอะอิ
eu
เอะอุ
ee
เอ
eo
เอะโอะ
ooa
โอะอะ
oi
โอะอิ
ou*
โอ
โอะอุ
oe
โอะเอะ
oo
โอ

ข้อยกเว้น

  1. ou ปกติจะออกเสียงยาว คือ 'โอ'
    เว้นแต่บางคำ จะแยกออกเสียงเป็น 'โอะอุ' เช่น
    • 通う (kayou) ออกเสียงเป็น 'คะ-โยะ-อุ' หรือ
    • 負う (ou) ออกเสียงเป็น 'โอะ-อุ' เป็นต้น
  2. ei ไม่มีข้อกำหนดว่าจะออกเสียงเป็น 'เอะอิ' หรือ 'เอ'
    • โดยทั่วไปมักจะออกเสียงยาว คือ 'เอ' เช่น
      • 時計 (tokei) จะออกเสียงเป็น 'โทะ-เก' ซึ่งง่ายกว่า 'โทะ-เกะ-อิ' หรือ
      • きれい (kirei) จะออกเสียงเป็น 'คิ-เร' ซึ่งง่ายกว่า 'คิ-เระ-อิ' เป็นต้น
    • แต่หากตั้งใจพูดช้าๆ หรือเน้นเสียง ก็จะพูดว่า 'เอะอิ' เช่น
      • えい (ปลากระเบน) มักจะออกเสียงว่า 'เอะ-อิ' ซึ่งต่างกับคำว่า ええ (ใช่) ซึ่งออกเสียงว่า 'เอ'

เสียงขุ่น (dakuon)

คือเสียงที่เกิดจากการเติมเครื่องหมาย (濁点 : dakuten) หรือที่เรียกว่าอย่างไม่เป็นทางการว่าเครื่องหมาย tenten หรือ chonchon ตามหลังอักษรในแถว 「か」 「さ」 「た」 「は」

หรือเติมเครื่องหมาย (半濁点 : handakuten) หรือที่เรียกว่าอย่างไม่เป็นทางการว่าเครื่องหมาย maru ตามหลังอักษรในแถว 「は」 เพื่อให้เกิดเสียงเปลี่ยนไปจากเดิม ดังนี้

 เสียง อะเสียง อิเสียง อุเสียง เอะเสียง โอะ
แถว ga
ga กะgi กิgu กุge เกะgo โกะ
แถว za
za ซะji จิzu ซุze เซะzo โซะ
แถว da
da ดะji จิtzu ซึde เดะdo โดะ
แถว ba
ba บะbi บิbu บุbe เบะbo โบะ
แถว pa
pa ปะpi ปิpu ปุpe เปะpo โปะ

หมายเหตุ : ตัวอักษร ji และ tzu ไม่สามารถแสดงคำอ่านเป็นภาษาไทยได้อย่างถูกต้อง

เสียงควบ/เสียงเพี้ยน (youon)

คือการเปลี่ยนรูปตัวอักษร や ゆ よ ให้เป็นอักษรตัวเล็ก ゃ ゅ ょ แล้วนำไปต่อท้ายอักษรเสียง อิ เพื่อให้เกืดเสียงควบ ดังนี้


  1. ออกเสียงคล้าย 'เอียะ' หรือเสียง 'อะ' เช่น
    • きゃ (kya) ออกเสียงคล้าย 'เคียะ'
    • ちゃ (cha) ออกเสียงคล้าย 'จะ'

  2. ออกเสียงคล้าย 'อิว' แต่เป็นเสียงสั้น หรือเสียง 'อุ' เช่น
    • きゅ (kyu) จะอ่านคล้าย 'คิว' (แต่ออกเสียงสั้น)
    • ちゅ (chu) ออกเสียงคล้าย 'จุ'

  3. ออกเสียงคล้าย 'เอียว' แต่เป็นเสียงสั้น หรือออกเสียง 'โอะ' เช่น
    • きょ (kyo) จะอ่านคล้าย 'เคียว' (แต่ออกเสียงสั้น)
    • ちょ (cho) ออกเสียงคล้าย 'โจะ'
 เสียง อะเสียง อุเสียง โอะ
แถว kiきゃきゅきょ
kya เคียะkyu คิวkyo เคียว
แถว giぎゃぎゅぎょ
gya เกียะgyu กิวgyo เกียว
แถว shiしゃしゅしょ
sha ชะshu ชุsho โชะ
แถว jiじゃじゅじょ
ja จะju จุjo โจะ
แถว chiちゃちゅちょ
cha จะchu จุcho โจะ
แถว jiぢゃぢゅぢょ
ja จะju จุjo โจะ
แถว hiひゃひゅひょ
hya เฮียะhyu ฮิวhyo เฮียว
แถว biびゃびゅびょ
bya เบียะbyu บิวbyo เบียว
แถว piぴゃぴゅぴょ
pya เปียะpyu ปิวpyo เปียว

หมายเหตุ :

  1. อักษรทั้งหมดออกเสียงสั้น
  2. ตัวอักษร ja, ju, jo ไม่สามารถแสดงคำอ่านเป็นภาษาไทยได้อย่างถูกต้อง

การออกเสียง っ (つ ตัวเล็ก)

จะอ่านออกเสียง っ (つ ตัวเล็ก) เป็นตัวสะกด โดยมีเสียงเดียวกันกับตัวอักษรที่ตามหลังมา ตัวอย่างเช่น

การออกเสียงอักษรในแถว か

แถว か (か、き、く、け、こ)
  1. กรณีที่นำหน้าคำ จะออกเสียงเป็น "ค" เช่น
    • 階段 (kaidan : คะอิดัง) บันได
    • 着物 (kimono : คิโมะโนะ) ชุดกิโมโน
    • 果物 (kudamono : คุดะโมะโนะ) ผลไม้
    • 結婚 (kekkon : เค็คคง) แต่งงาน
    • 子ども (kodomo : โคะโดะโมะ) เด็ก
  2. กรณีที่ไม่อยู่หน้าคำ จะมีทั้งที่ออกเสียงคล้าย "ค" และ "ก" เช่น
    • 教会 (kyoukai : เคียวกะอิ) โบสถ์
    • 雪 (yuki : ยุคิ) หิมะ
    • 贈り物 (okurimono : โอะคุริโมะโนะ) ของขวัญ
    • お酒 (osake : สะเกะ) เหล้าสาเก
    • タコ (tako : ทะโกะ) ปลาหมึกยักษ์

การออกเสียงอักษรในแถว が

แถว が (が、ぎ、ぐ、げ、ご)
  1. กรณีที่นำหน้าคำ จะออกเสียงเป็น "ก" เช่น
    • 学生 (gakusei : กะกุเซ) นักเรียน
    • 銀行 (ginkou : กิงโค) ธนาคาร
    • 軍隊 (guntai : กุนตะอิ) กองทัพ
    • 下駄 (geta : เกะตะ) เกี๊ยะ
    • 五 : (go : โกะ) ห้า
  2. กรณีที่ไม่อยู่หน้าคำ จะออกเสียงเป็น "ง" เช่น
    • 大学 (daigaku : ดะอิงะคุ) มหาวิทยาลัย
    • カギ (kagi : คะงิ) กุญแจ
    • 泳ぐ (oyogu : โอะโยะงุ) ว่ายน้ำ
    • 人間 (ningen : นิงเง็ง) มนุษย์
    • 日本語 (nihongo : นิฮงโงะ) ภาษาญี่ปุ่น

การออกเสียงอักษรในแถว た

(เฉพาะ た、て、と)

  1. กรณีที่นำหน้าคำ จะออกเสียงเป็น "ท" เช่น
    • 宝物 (takaramono : ทะกะละโมะโนะ) สมบัติมีค่า
    • 手紙 (tegami : เทะงะมิ) จดหมาย
    • トランプ (toranpu : โทะลัมปุ) ไพ่
  2. กรณีที่ไม่อยู่หน้าคำ จะออกเสียงเป็น "ต" เช่น
    • 刀 (katana : คะตะนะ) ดาบ
    • 交差点 (kousaten : โคสะเต็ง) สี่แยก
    • 音 (oto : (โอะโตะ) เสียง

การออกเสียง ん

  1. ออกเสียงเป็น "ง" กรณีที่ตามหลังด้วยอักษรในแถว 「あ」 「か」 「が」 「は」 「わ」 หรือมี ん เป็นตัวสุดท้าย
    • 原因 (gen-in : เก็อิง) สาเหตุ
    • 天気 (tenki : เท็กิ) สภาวะอากาศ
    • マンガ (manga : มังะ) การ์ตูน
    • 前半 (zenhan : เซ็ฮัง) ครึ่งแรก
    • 電話 (denwa : เด็วะ) โทรศัพท์
    • 日本 (nihon : นิฮ) ญี่ปุ่น
  2. ออกเสียงเป็น "น" กรณีที่ตามหลังด้วยอัษรในแถว 「さ」 「ざ」 「た」 「だ」 「な」 「や」 「ら」
    • 天才 (tensai : เท็สะอิ) อัจฉริยะ
    • 万歳 (banzai : บัสะอิ) ไชโย จงเจริญ
    • 本当 (hontou : ฮโต) จริง
    • 今度 (kondo : คโดะ) ครั้งหน้า
    • 天然 (tennen : เท็เน็ง) ธรรมชาติ
    • 親友 (shinyuu : ชิยู) เพื่อนสนิท
    • 森林 (shinrin : ชิลิง) ป่า
  3. ออกเสียงเป็น "ม" กรณีที่ตามหลังด้วยอักษรในแถว 「ば」「ぱ」「ま」
    • 今晩 (konban : คบัง) เย็นนี้
    • えんぴつ (enpitsu : เอ็ปิทสึ) ดินสอ
    • 新米 (shinmai : ชิมะอิ) ข้าวใหม่

ดังนั้น คำทักทายตอนกลางวัน こんにちは (konnichiwa) จึงออกเสียงเป็น "คนิจิวะ"

ส่วนคำทักทายตอนเย็น こんばんは (konbanwa) จึงออกเสียงเป็น "คบัวะ"

พบ 54 ความเห็นในบทเรียนนี้

ความเห็นที่ 21
ขอบคุณนะค่ะ สำหรับการเขียนและการออกเสียงมันเป็นประโยชน์มากจริงๆค่ะสำหรับเด็กฝึกภาษาญี่ปุ่นตอนแรกๆเพราะมันยากจริงๆ แต่ทุกสิ่งคงไม่ยากไปกว่าความพยายามของเราหรอกนะค่ะ ขอบคุณจริงๆค่ะ
หัดเรียนญี่ปุ่น 9 มิย 54 21:52

ความเห็นที่ 22
ขอบคุณค่ะ
มล 24 กค 54 0:36:

ความเห็นที่ 23
อยากทราบว่า แต่ละคำจะอ่านออกเสียงสำเนียงของญี่ปุ่นอย่างไร

マンゴー

がっこう

りんご

げんご

ขอบคุณค่ะ [smile][smile][smile]
เด็กเลี้ยงแกะ 8 กพ 55 10:43

ความเห็นที่ 24
จะเอาเป็นสำเนียงญี่ปุ่นเลยหรือครับ
มันจะเข้าใจยาก ตอนขึ้นเสียงสูงเสียงต่ำ

พอดีว่าตอนนี้ ผมกำลังเขียนบทเรียนเรื่อง "วิธีการออกเสียงในภาษาญี่ปุ่นให้ถูกต้อง"
ซึ่งจะเสร็จภายใน 2-3 วันนี้

คุณเด็กเลี้ยงแกะ ช่วยแวะเข้ามาอ่านในเว็บ หัวข้อ "สาระน่ารู้"
หรือตามข่าวจากเฟสบุ๊คอีกทีนึงนะครับ

....................................

ตอบคำถามคร่าวๆตอนนี้ก่อน คือ

マンゴー อ่านว่า ม๊ะ-ง-โหง่ (4 ช่องเสียง)

がっこう อ่านว่า ก่ะ-ค-โค๊ (4 ช่องเสียง) (โอะ+อุ อ่านเป็นเสียง โอ)

りんご อ่านว่า หลิ่-ง-โง๊ะ (3 ช่องเสียง)

げんご (言語) แปลว่า ภาษา อ่านว่า เก๊ะ-ง-โหง่ะ (3 ช่องเสียง)

げんご (原語) แปลว่า รากศัพท์หรือคำศัพท์เดิม อ่านว่า เก่ะ-ง-โง๊ะ (3 ช่องเสียง)

ถ้ายังมีประเด็นสงสัย อดใจรออ่านบทเรียนใหม่ทีเดียวไปเลยนะครับ [haha]
webmaster 8 กพ 55 11:46

ความเห็นที่ 25
ขอบคุณค่ะ

แล้วจะติดตามที่ FB นะคะ

เด็กเลี้ยงแกะ 8 กพ 55 15:58

ความเห็นที่ 26
วิธีออกเสียงในภาษาญี่ปุ่นให้ถูกต้อง เขียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว

อยากให้ทุกคนที่เริ่มศึกษาภาษาญี่ปุ่น ได้เข้าไปอ่านไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ

จะได้เป็นพื้นฐานในการออกเสียงได้อย่างถูกต้องนะครับ
webmaster 11 กพ 55 21:32

ความเห็นที่ 27
こんにちは (konnichiwa) กับ こんばんは (konbanwa)
ทำไมตัว wa ถึงเป็น は ไม่ใช่ わ หรือคะ
JibiMaru 7 พย 55 02:02

ความเห็นที่ 28
こんにちは เป็นคำที่เดิมมีต้นกำเนิดจากคำว่า こんにち + は
โดย は ในที่นี้ เป็นคำช่วย จึงออกเสียงว่า wa

ปัจจุบัน こんにちは แม้จะเป็นคำศัพท์คำเดียว
แต่ก็ยังออกเสียง は ว่า wa ตามต้นกำเนิดเดิม

การที่ は ออกเสียงเป็น ha บ้าง wa บ้าง อ่านเพิ่มเติมได้จาก link ครับ
webmaster 7 พย 55 13:06

ความเห็นที่ 29
ไม่รู้เวบมาสเตอร์ จะเข้ามาดูไหม ถามตรงนี้แล้วกันครับ อย่างที่เขียนในตารางว่าสระคนละเสียงมาต่อกัน ให้อ่านแยกเป็นคำๆ ยกเว้นเสียงเดียวกันให้อ่านเสียงยาว หรือพวก ou หรือ ei

แต่ในความเป็นจริงเขาอ่าน(พูด)แยกเป็นพยางค์แบบนั้นไหมครับ เช่น เสียงลงท้ายด้วย dai sai kuo แบบนี้ เวลาคนญี่ปุ่นเขาพูด(ในชีวิตจริง) เขาออกเสียงชัดๆเลยว่า ดา-อิ ซา-อิ คุ-โอ หรือเขาก็ออกควบไปเหมือนออกเสียงแบบฝรั่งคือ ได ไซ คู ครับ สงสัยมานานแล้ว
AgentMolder 30 มค 56 15:01

ความเห็นที่ 30
ตอบว่า คนพูดจะออกเสียงทีละตัว แต่เมื่อพูดต่อกัน จึงอาจจะฟังคล้ายกับพูดรวบกันไป

อักษร 1 ตัว จะออกเสียงความยาว 1 จังหวะ
dai จึงออกเสียง 2 จังหวะ คือความยาวเป็น 2 เท่าของ da
หากพูดว่า ได (1 จังหวะ) จะไม่ถูกต้อง

ยกตัวอย่าง คำว่า แพง คือ ta-ka-i ก็จะพูดว่า ทะกะอิ (3 จังหวะ)
ซึ่งเราจะไม่ได้ยินว่า ทะไก (2 จังหวะ) แต่เราจะได้ยินคล้ายกับ ทะก้าย (3 จังหวะ) ครับ
webmaster 30 มค 56 18:17

1<>6

pageviews 8,175,494