ไวยากรณ์ภาษาญี่ปุ่น |
|
|
ภาคผนวก |
|
|
|
|
บทที่ 3 คำกริยา |
อ่าน
180,023 ครั้ง
|
เป็นคำอิสระที่สามารถผันได้
สามารถใช้เป็นคำแสดง (述語 : jutsugo)ในประโยค เพื่อบอกเล่าการกระทำ อาการ หรือการมีอยู่
คำกริยาในสถานะปกติ จะลงท้ายด้วยเสียง 「ウ : u」 เสมอ เช่น
- 笑う : warau : หัวเราะ
書く : kaku : เขียน
寝る : neru : นอน
- อกรรมกริยา ( 自動詞 : jidoushi )
เป็นคำแสดงกริยาหรือการเคลื่อนไหวที่เกิดผลอยู่ประธานเท่านั้น ไม่ได้ส่งผลบุคคลอื่นหรือสิ่งอื่น
ดังนั้น ในประโยคจึงจะไม่มีคำช่วย 「を」 ที่เป็นคำช่วยที่ชี้กรรมของประโยค ตัวอย่างเช่น
-
雨が降る : ame ga furu : ฝนตก
花が咲く : hana ga saku : ดอกไม้บาน
- สกรรมกริยา ( 他動詞 : tadoushi )
เป็นคำแสดงกริยาที่ไม่ได้ส่งผลไปยังประธาน
แต่ผลของกริยาหรือการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น จะเกิดกับบุคคลอื่นหรือสิ่งอื่นโดยตรง หรือเป็นการทำหรือสร้างให้เกิดขึ้น
ตามปกติจะใช้คำช่วย 「を」เพื่อชี้ว่าผลของกริยานั้นเกิดขึ้นกับบุคคลหรือสิ่งของใด เช่น
- 本を読む : hon o yomu : อ่านหนังสือ
窓を開ける : mado o akeru : เปิดหน้าต่าง
- กริยาแสดงความเป็นไปได้ ( 可能動詞 : kanoudoushi)
เป็นคำกริยาที่ผันรูปเพื่อแสดงความหมายว่าสามารถทำ ... ได้
โดยคำกริยาที่จะผันเช่นนี้ได้ จะต้องเป็นคำกริยาในกลุ่มที่ 1 เท่านั้น ซึ่งเมื่อผันเสร็จแล้ว คำกริยาที่เกิดขึ้นใหม่จะจัดอยู่ในกลุ่มที่ 2 เช่น
- 動く : ugoku : เคลื่อนที่ → 動ける : ugokeru : เคลื่อนที่ได้
聞く : kiku : ฟัง → 聞ける : kikeru : ฟังได้
หมายเหตุ : คำกริยากลุ่มที่ 1 และ 2 เป็นการจัดกลุ่มตามวิธีการผันคำ ซึ่งมีรายละเอียดอยู่ตอนท้ายของบทนี้
- กริยาสนับสนุน ( 補助動詞 : hojo doushi หรือ 形式動詞 : keishiki doushi )
มีความหมายของคำเดิมเหลืออยู่น้อยมาก ใช้เป็นเพียงคำเสริมในประโยคเท่านั้น
ใช้ร่วมกับคำว่า ~て หรือ ~で เช่น
- 私は日本人である : watashi wa nihonjin de aru : ฉันเป็นคนญี่ปุ่น
※ ある เป็นคำกริยาแปลว่า มี ซึ่งไม่เหลือความหมายเดิมอยู่ในประโยค
- 風が吹いている : kaze ga fuite iru : ลมกำลังพัด
※ いる เป็นคำกริยาแปลว่า อยู่ ซึ่งไม่เหลือความหมายเดิมอยู่ในประโยค
นอกจากนี้ คำกริยาบางคำจะใช้แสดงความหมายเพื่อยืนยัน หรือแสดงท่าที หรือแสดงความมุ่งมั่นในทำกริยานั้น เช่น
-
ある、いく、いる、おく、くる、みる、もらう
ยกตัวอย่างเช่น
-
勉強をしておく : benkyou o shite oku : จะเรียนไว้
勉強してみる : benkyou shite miru : จะลองเรียนดู
คำกริยาสามารถผันรูป และใช้กับคำกริยานุเคราะห์ (jodoushi) เพื่อให้เกิดความหมายใหม่ได้
-
【คำกริยา】 ⇒ 【ผันรูป】 + 【คำกริยานุเคราะห์】 ⇒ 【เกิดความหมายใหม่】
|
คำกริยาสามารถผันได้ 6 รูปแบบ ดังนี้
- ฟอร์มที่ยังไม่เสร็จ ( 未然形 : mizenkei )
เป็นการผันเพื่อให้เกิดความในเชิงปฏิเสธ ให้กระทำ หรือชักชวน เป็นต้น โดยใช้ร่วมกับคำกริยานุเคราะห์ (jodoushi) คือ
- ない、せる、させる、れる、られる、う、よう
- ฟอร์มที่ตามด้วยคำแสดง (連用形 : renyoukei)
เป็นการผันคำกริยาเพื่อใช้นำหน้าคำแสดง (yougen) เพื่อใช้ในการจบท้ายประโยค โดยจะใช้ร่วมกับคำกริยานุเคราะห์ (jodoushi) คือ
- ます、た、だ
- ฟอร์มจบ (終止形 : shuushikei)
เป็นต้นศัพท์ก่อนการผัน จึงไม่ต้องใช้ร่วมกับคำกริยานุเคราะห์
จะใช้ในการจบท้ายประโยค และใช้เป็นรูปแบบในพจนานุกรม
- ฟอร์มที่ตามด้วยคำหลัก (連体形 : rentaikei)
เป็นการผันคำกริยาเพื่อใช้นำหน้าคำหลัก (taigen) เช่น
- とき
หรือในภาษาเก่าจะผันเพื่อใช้จบประโยค โดยใช้ร่วมกับคำช่วยเกี่ยวเนื่อง (kakarijoshi) คือ
- ぞ、なむ、や、か
หรือใช้ร่วมกับคำช่วย คือ
- か、ぞ
- ฟอร์มสมมุติ (仮定形 : kateikei)
เป็นการผันคำกริยาให้มีความหมายสมมุติที่เป็นเหตุเป็นผลกับประโยคต่อท้าย โดยจะใช้ร่วมกับคำกริยานุเคราะห์ (jodoushi) คือ
- ば
- ฟอร์มคำสั่ง (命令形 : meireikei)
เป็นการผันคำกริยาให้มีความหมายเป็นการสั่ง
การผันแบบ 5 ขั้น 1 ขั้น (五段・一段 : godan ichidan) |
ในการผันคำกริยาให้อยู่ในฟอร์ม 6 แบบข้างต้น สามารถจำแนกคำกริยาออกเป็น 5 กลุ่ม ตามวิธีการผัน ดังนี้
- ผัน 5 ขั้น ( 五段活用 : godan katsuyou )
คือกลุ่มคำกริยาที่สามารถผันได้ 5 เสียง
เช่น คำว่า 行く (iku : ไป) สามารถผันได้ครบทั้ง 5 เสียง คือ เสียง a, i, u, e, o
- ผัน 1 ขั้น ตัวบน ( 上一段活用 : kami ichidan katsuyou )
คือกลุ่มคำกริยาที่สามารถผันได้เพียง 1 เสียง ซึ่งเป็นเสียง i เช่น 見る (mi-ru)
- ผัน 1 ขั้น ตัวล่าง ( 下一段活用 : shimo ichidan katsuyou )
คือกลุ่มคำกริยาที่สามารถผันได้เพียง 1 เสียง ซึ่งเป็นเสียง e เช่น 食べる (ta-be-ru)
- ผันคำพิเศษแถว ka ( カ変活用 : ka hen katsuyou )
ซึ่งมีเพียง 1 คำที่ผันในวิธีพิเศษ คือ 来る (kuru : มา)
- ผันคำพิเศษแถว sa ( サ変活用 : sa hen katsuyou )
ซึ่งมีเพียง 1 คำที่ผันในวิธีพิเศษ คือ する (suru : ทำ)
ประเภทและตัวอย่างวิธีการผันคำกริยา |
ประเภท | คำกริยา | ต้นศัพท์ | ฟอร์มในการผัน |
Mizen | Renyo | Shuushi | Rentai | Katei | Meirei |
5 ขั้น | 読む | 読 | ま も | み ん | む | む | め | め |
1 ขั้น ตัวบน | 見る | ー | み | み | みる | みる | みれ | みろ みよ |
1 ขั้น ตัวล่าง | 食べる | 食 | べ | べ | べる | べる | べれ | べろ べよ |
แถว ka พิเศษ | 来る | ー | こ | き | くる | くる | くれ | こい |
แถว sa พิเศษ | する | ー | し せ さ | し | する | する | すれ | しろ せよ |
การผันแบบ -u verb , -iru / -eru verb |
เนื่องจากวิธีการผันคำกริยา 6 รูปแบบ (Mizenkei, Renyoukei ....) และการจัดกลุ่มคำแบบ 5 ขั้น 1 ขั้น (Godan ichidan) ตามหลักไวยากรณ์ญี่ปุ่นที่อธิบายข้างต้น มีความสลับซับซ้อน และยากลำบากในการจดจำ
ดังนั้น ในการเรียนการสอนภาษาญี่ปุ่นให้กับชาวต่างชาติ ซึ่งใช้อักษรโรมาจิเป็นหลัก (คือเขียนด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษ) จึงมักใช้วิธีดังนี้
-
การจัดกลุ่ม
แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ
- คำกริยากลุ่มที่ 1
คือคำที่ลงท้ายด้วยเสียง u แต่ไม่รวมถึงคำที่ลงท้ายด้วยเสียง iru และ eru จัดอยู่ในกลุ่มที่ 2
- คำกริยากลุ่มที่ 2
คือคำกริยาที่ลงท้ายด้วยเสียง iru หรือ eru (เว้นแต่คำบางคำที่จัดอยู่ในกลุ่มที่ 1)
- คำกริยากลุ่มที่ 3
คือคำที่มีวิธีการผันเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งมีเพียง 2 คำ คือ 来る (kuru) และ する (suru)
- วิธีการผัน
แบ่งกลุ่มการผัน ตามเสียงและหรือความหมาย เป็น 7 รูปแบบ คือ
- dic form หรือฟอร์มในรูปพจนานุกรม เช่น
- 書く (kaku : เขียน)
- nai form เช่น
- 書かない (kakanai : ไม่เขียน)
- masu form เช่น
- 書きます (kakimasu : เขียน (สุภาพ)) 書きません (kakimasen : ไม่เขียน (สุภาพ))
書きましょう (kakimashou : เขียนกันเถอะ (สุภาพ)) 書きたい (kakitai : อยากเขียน)
- ta form หรือ te form เช่น
- 書いた (kaita : เขียนแล้ว (อดีต)) 書いたら (kaitara : ถ้าเขียน)
- ba form เช่น
- 書けば (kakeba : ถ้าเขียน) 書けたら (kaketara : ถ้าได้เขียน)
- form คำสั่ง เช่น
- 書け (kake : เขียน (คำสั่ง))
- you form เช่น
- 書こう (kakou : เขียนกันเถอะ)
-
| dic form | nai form | masu form | ta form / te form | ba form | form คำสั่ง | you form |
กลุ่ม ที่ 1 | ~う | 会う au | 会わない awanai | 会います aimasu | 会った atta | 会って atte | 会えば aeba | 会え ae | 会おう aou |
~く | 書く kaku | 書かない kakanai | 書きます kakimasu | 書いた kaita | 書いて kaite | 書けば kakeba | 書け kake | 書こう kakou |
~ぐ | 泳ぐ oyogu | 泳がない oyoganai | 泳ぎます oyogimasu | 泳いだ oyoida | 泳いで oyoide | 泳げば oyogeba | 泳げ oyoge | 泳ごう oyogou |
~す | 許す yurusu | 許さない yurusanai | 許します yurushimasu | 許した yurushita | 許して yurushite | 許せば yuruseba | 許せ yuruse | 許そう yurusou |
~つ | 立つ tatsu | 立たない tatanai | 立ちます tachimasu | 立った tatta | 立って tatte | 立てば tateba | 立て tate | 立とう tatou |
~ぬ | 死ぬ shinu | 死なない shinanai | 死にます shinimasu | 死んだ shinda | 死んで shinde | 死ねば shineba | 死ね shine | 死のう shinou |
~ぶ | 飛ぶ tobu | 飛ばない tobanai | 飛びます tobimasu | 飛んだ tonda | 飛んで tonde | 飛べば tobeba | 飛べ tobe | 飛ぼう tobou |
~む | 読む yomu | 読まない yomanai | 読みます yomimasu | 読んだ yonda | 読んで yonde | 読めば yomeba | 読め yome | 読もう yomou |
~る | 入る hairu | 入らない hairanai | 入ります hairimasu | 入った haitta | 入って haitte | 入れば haireba | 入れ haire | 入ろう hairou |
กลุ่ม ที่ 2 | (い) る | 見る miru | 見ない minai | 見ます mimasu | 見た mita | 見て mite | 見れば mireba | 見ろ miro | 見よう miyou |
(え) る | 食べる taberu | 食べない tabenai | 食べます tabemasu | 食べた tabeta | 食べて tabete | 食べれば tabereba | 食べろ tabero | 食べよう tabeyou |
กลุ่ม ที่ 3 | する | する suru | しない shinai | します shimasu | した shita | して shite | すれば sureba | しろ shiro | しよう shiyou |
くる | くる kuru | こない konai | きます kimasu | きた kita | きて kite | これば koreba | こい koi | こよう koyou |
※ ข้อยกเว้น คำกริยา 行く (いく) ผันในรูป ta form / te form เป็น 行った (いった) และ 行って (いって)ซึ่งต้องแยกจำเป็นพิเศษ
※ การผันคำกริยา มีความจำเป็นอย่างยิ่งในการพูดภาษาญี่ปุ่นที่เป็นสำนวนยาวๆ หรือในกรณีที่ต้องบ่งบอกความรู้สึก ซึ่งตารางข้างต้นนี้ มีหลักเกณฑ์ในการผันคำที่ค่อนข้างชัดเจน ผู้เรียนจึงควรจดจำหลักเกณฑ์ และฝึกฝนให้สามารถผันคำกริยาได้อย่างถูกต้องทุกรูปแบบ
คำกริยาที่ออกเสียงเหมือนกัน แต่อยู่คนละกลุ่ม |
-
กลุ่มที่ 1 | กลุ่มที่ 2 |
切る (kiru : ตัด) | 着る (kiru : สวม) |
帰る (kaeru : กลับ) | 変える (kaeru : เปลี่ยน) |
要る (iru : ต้องการ) | 居る (iru : อยู่) |
練る (neru : นวด) | 寝る (neru : นอน) |
ดังนั้น การผันคำกริยาข้างต้น จึงต้องผันให้ถูกต้องตามกลุ่มด้วย เช่น
- 要る (iru : ต้องการ) ต้องผันเป็น 要りません (irimasen : ไม่ต้องการ)
- 居る (iru : อยู่) ต้องผันเป็น 居ません (imasen : ไม่อยู่)
|
|
|