สาระน่ารู้ เรียนรู้เรื่องญี่ปุ่นกับ J-Campus

ทำไมคำช่วย は จึงออกเสียงว่า wa

โดย Webmaster : อ่าน 45,277 ครั้ง

ทำไม は ในประโยค ここは... จึงไม่ออกเสียงว่า ha แต่ออกเสียงว่า wa

ทำไม へ ในประโยค ここへ... จึงไม่ออกเสียงว่า he แต่ออกเสียงว่า e

และทำไม を ซึ่งอยู่ในแถว 「わ」 และเขียนโรมาจิว่า wo จึงไม่ออกเสียงว่า wo แต่ออกเสียงว่า o

ในสมัยโบราณก่อนจะถึงสมัยนารา ภาษาญี่ปุ่นในแถว 「は」 ออกเสียงเป็น 「p」 คือ pa , pi , pu , pe , po

เมื่อเข้าสู่สมัยนารา การออกเสียงในแถว 「は」 ได้เปลี่ยนเป็น 「Φ」 ซึ่งคล้ายกับเสียง 「f」 โดยในบทความนี้จะขอเขียนด้วยตัว f แทน คือ fa , fi , fu , fe , fo

ต่อมา ในช่วงปลายสมัยเฮอัน การออกเสียงในแถว 「は」 ในกรณีที่อยู่ "กลางคำหรือท้ายคำ" ได้เปลี่ยนเสียงให้ง่ายขึ้น โดยเปลี่ยนจากเสียง 「Φ」 เป็นเสียง 「v」 และเปลี่ยนต่ออีกเป็นเสียง 「w」 เช่นเดียวกับเสียงในแถว 「わ」 คือ wa , wi , wu , we , wo

การเปลี่ยนการออกเสียงในแถว 「は」 นี้ เรียกว่า ハ行転呼 (hagyou tenko : การออกเสียงต่างรูปในแถว ha) เช่น

ในสมัยคามาคุระ อักษรในแถว 「わ」 ได้เปลี่ยนเสียงไปเป็น wa , i , u , we , wo

ดังนั้น เสียงในแถว 「は」 ซึ่งอยู่ กลางคำหรือท้ายคำ จึงออกเสียงเปลี่ยนไปด้วย (ハ行転呼) เช่น

ต่อมาในช่วงต้นของสมัยเอโดะ อักษรในแถว 「は」 ซึ่งอยู่ "ต้นคำ" ได้เปลี่ยนเสียงจาก 「Φ」 มาเป็น 「h」 เช่นเดียวกับปัจจุบัน คือ ha , hi , hu (fu) , he , ho เช่น

และครั้งสุดท้ายในช่วงกลางศตวรรษที่ 18 อักษรในแถว 「わ」 ได้เปลี่ยนเสียงเป็น wa , i , u , e , o

เสียงในแถว 「は」 ซึ่งอยู่กลางคำหรือท้ายคำ จึงออกเสียงเปลี่ยนไปด้วย (ハ行転呼) อีกครั้งหนึ่ง เช่น

จากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวข้างต้น จึงทำให้คำช่วย 3 คำ คือ は、へ、を ซึ่งถือเสมือนเป็นเสียงที่อยู่ท้ายคำ ออกเสียงเป็น wa, e, o

ภาพรวมการเปลี่ยนเสียงในแถว 「は」

ก่อนนารานาราปลายเฮอันต้นเอโดะ
母 (はは)pa-pafa-fafa-waha-wa

หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับการออกเสียงอักษรในแถว 「は」 คือ การเล่นทายปัญหาที่มีการบันทึกไว้ในสมัยมุโรมาจิ (หลังสมัยเฮอันและคามาคุระ ก่อนสมัยเอโดะ)

การเล่นทายปัญหานี้ ถามไว้ว่า

ははには二たびあいたれども
ちちには一度もあわず

กับแม่ จะพบกันสองครั้ง
แต่กับพ่อ จะไม่พบกันแม้แต่ครั้งเดียว

คำตอบคือ "ริมฝีปาก" ซึ่งหมายความว่า การออกเสียง はは (แม่) ริมฝีปากจะติดกัน 2 ครั้ง แต่การออกเสียงว่า ちち (พ่อ) ริมฝีปากจะไม่ติดกันเลย

ซึ่งเป็นการพิสูจน์ทฤษฎีที่ว่า คำว่า はは ในสมัยนั้น ไม่ได้ออกเสียงว่า haha เพราะริมฝีปากจะไม่ติดกันเลย แต่ออกเป็นเสียงอื่น คือ fa-wa ซึ่งริมฝีปากจะชนกัน 2 ครั้ง

จากทฤษฎีข้างต้น はは ในช่วงต้นสมัยเอโดะ จะออกเสียงเป็น ha-wa และหลังจากนั้นก็ไม่ควรมีการเปลี่ยนแปลงอีก

การที่ はは ออกเสียงเป็น ha-ha เช่นในปัจจุบันนี้ มีข้อสมมุติฐานหลายอย่าง โดยหนึ่งในนั้นได้สันนิษฐานว่า เป็นการเปลี่ยนเสียงให้ซ้ำกัน เพื่อให้สอดคล้องกับคำอื่นๆ ที่มีความหมายถึงบุคคลในครอบครัว ซึ่งเป็นคำเสียงซ้ำกัน เช่น 父 (chi-chi : พ่อ), ばば (ba-ba : ย่า ยาย), じじ (ji-ji : ปู่ ตา) ดังนั้น ha-wa จึงมีการเปลี่ยนเสียงให้ซ้ำกันตามไปด้วยเป็น ha-ha

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศญี่ปุ่นมีความคิดจะบูรณาการตัวอักษร (仮名 : kana) ให้เป็นมาตรฐาน โดยปรับปรุงการใช้คานะแบบในอดีต (歴史的仮名遣い : rekishiteki kanatzukai) เสียใหม่ เพื่อให้อักษร 1 ตัว มีเสียงอ่านเพียง 1 เสียง และยกเลิกอักษรที่มีเสียงซ้ำกับอักษรตัวอื่น

ซึ่งตามแนวทางในขณะนั้น จะเปลี่ยนคำช่วย は、へ、を ซึ่งออกเสียงว่า 「wa」 「e」 「o」 มาใช้เป็นตัวอักษร わ、え、お เช่น

แต่แนวทางนี้ถูกคัดค้านอย่างรุนแรง

ดังนั้น ในปี พศ.2489 (ปรับปรุงแก้ไขในปี พศ. 2529) คณะรัฐมนตรีจึงประกาศการใช้คานะแบบปัจจุบัน (現代仮名遣い : gendai kanatzukai) โดยกำหนดมาตรฐานต่างๆ รวมถึงการยกเลิกอักษรที่มีเสียงซ้ำกับอักษรอื่น เช่น ゐ (อักษรตัวที่ 2 ในแถว わ ซึ่งออกเสียงเดียวกันกับ い) หรือ ゑ (อักษรตัวที่ 4 ในแถว わ ซึ่งออกเสียงเดียวกันกับ え)

แต่ยังคงให้ใช้ "คำช่วย" ที่ออกเสียงว่า wa , e , o ด้วยอักษร は、へ、を แม้จะออกเสียงซ้ำกับอักษร わ、え、お ก็ตาม เพื่อให้เป็นไปตามธรรมเนียมปฏิบัติที่มีมาแต่เดิม

การบูรณาการตัวอักษรเพื่อให้มี 1 ตัว 1 เสียง ซึ่งไม่ซ้ำกัน จึงไม่สามารถทำได้อย่างสมบูรณ์ คือยังคงมีข้อยกเว้นบางอย่างเหลืออยู่นั่นเอง

ปัจจุบัน 「は」 จะออกเสียงว่า ha ในกรณีทั่วๆไป

ยกเว้นกรณีที่เป็นคำช่วย หรือในคำที่มีต้นกำเนิดในลักษณะที่ใช้ は เป็นคำช่วย จึงจะออกเสียงว่า wa เช่น

ส่วน 「へ」 จะออกเสียงว่า he ในกรณีทั่วๆไป เว้นแต่กรณีที่เป็นคำช่วย จึงจะออกเสียงว่า e

และ 「を」 ก็จะออกเสียงว่า o

Webmaster
11 สิงหาคม 2555

pageviews 1,968,005